เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2560 เวลา 15.00 น. คณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาท สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปภัมภ์ จัดการประชุมคณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาท ครั้งที่ 10 /2560 ณ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ศูนย์กีฬาหัวหมาก กรุงเทพมหานครฯ โดยมี พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน เป็นประธานในที่ประชุม โดยมีเรื่องพิจารณา ดังนี้
โตโยต้า ไทยลีก
1.วันที่ 8 เมษายน สโมสรสุโขทัย เอฟซี พบ สโมสรฟุตบอลราชนาวี
เหตุการณ์
จากรายงานของผู้ควบคุมการแข่งขัน ในนาทีที่ 45+2 ได้ทราบเหตุการณ์ของการที่ผู้เล่นหมายเลข 24 คัพฟ้า บุญมาตุ่น สโมสรสุโขทัย เอฟซี ชกไปที่ใบหน้าของผู้เล่นหมายเลข 23 โรดริโก แวร์จิลิโอ สโมสรฟุตบอลราชนาวี นั้น มีสาเหตุสืบเนื่องมาจากขณะที่สโมสรสุโขทัย เอฟซี ได้เตะโทษบริเวณหน้าเขตโทษของสโมสรฟุตบอลราชนาวี โรดริโก แวร์จิลิโอ สโมสรฟุตบอลราชนาวี ได้ใช้ศอกซ้ายฟาดไปที่บริเวณใบหน้าของ คัพฟ้า บุญมาตุ่ม สโมสรสุโขทัย เอฟซี ก่อน
หลังจากนั้น คัพฟ้า บุญมาตุ่น สโมสรสุโขทัย เอฟซี จึงได้ตอบโตกลับด้วยการชกไปที่ใบหน้าของ โรดริโก แวร์จิลิโอ สโมสรฟุตบอลราชนาวี ล้มลง แล้วตบไปที่แขนและชี้หน้า โดยต้นเหตุของเหตุการณ์นี้ เกิดจากการกระทำของ โรดริโก แวร์จิลิโอ สโมสรฟุตบอลราชนาวี ที่ศอกใส่ คัพฟ้า บุญมาตุ่ม ของสโมสรสุโขทัย เอฟซี ก่อน ซึ่งในขณะเกิดเหตุ ผู้ตัดสินและผู้ช่วยผู้ตัดสิน รวมทั้งผู้ชมโดยรอบส่วนใหญ่ไม่เห็นเหตุการณ์ เนื่องจากอยู่นอกการเล่นของทั้งสองสโมสร จากนั้นผู้ตัดสินจึงได้เรียกทั้งสองฝ่ายมาตักเตือนผู้เล่นทั้งสองคน และไม่ได้มีการคาดโทษใดๆ
ผลการพิจารณา
คณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาทฯ ได้พิจารณาจากรายงานผู้ควบคุมการแข่งขัน และ ภาพเหตุการณ์ เห็นว่า ผู้เล่นทั้งสองคน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 1.19 ประกอบกับข้อ 1.1.2 (1) ซึ่งเป็นกรณีที่ผู้เล่นมีการประพฤติผิดอย่างร้ายแรง เจตนาทำร้ายร่างกายบุคคลอื่น และ จากข้อเท็จจริงดังกล่าว ผู้ตัดสินจะต้องลงโทษผู้เล่นทั้งสองคนด้วยใบแดง กรณีนี้ผู้ตัดสินยังไม่ได้ลงโทษ เมื่อข้อเท็จจริงเป็นที่ปรากฏชัดเจนจากภาพเทปบันทึกภาพแข่งขัน ประกอบกับรายงานฯ จึงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาทฯ จะต้องลงโทษตามระเบียบดังกล่าวต่อไป
ผู้เล่นหมายเลข 23 โรดริโก แวร์จิลิโอ สโมสรฟุตบอลราชนาวี และ ผู้หมายเลข 24 คัพฟ้า บุญมาตุ่น สโมสรสุโขทัย เอฟซี มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 1.19 ประกอบกับข้อ 1.1.2 (1) พักการแข่งขัน 2 นัด และปรับเงิน 20,000 บาท
2.วันที่ 8 เมษายน สโมสรสุพรรณบุรี เอฟซี พบ สโมสรชลบุรี เอฟซี
เหตุการณ์
นาทีที่ 67 ผู้ตัดสิน ได้ออกมาคุยกับผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 จากนั้นจึงได้เดินไปที่ม้านั่งสำรองของสโมสรชลบุรี เอฟซี และได้เชิญจักรพันธ์ ปั่นปี หัวหน้าผู้ฝึกสอนของสโมสรชลบุรี เอฟซี ขึ้นไปนั่งบนอัฒจันทร์ จากรายงานของผู้ตัดสิน นายจักรพันธ์ ปั่นปี ไม่พอใจการตัดสิน และได้ด่าผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 จึงได้เรียกผู้ตัดสิน มาคุย และได้แจ้งให้ทราบถึงถ้อยคำดังกล่าว จากนั้นผู้ตัดสิน จึงได้เชิญจักรพันธ์ ปั่นปี ขึ้นไปบนอัฒจันทร์
ผลการพิจารณา
การกระทำของ จักรพันธ์ ปั่นปี หัวหน้าผู้ฝึกสอนของสโมสรชลบุรี เอฟซี มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 หลายบท จึงพิจารณาให้ลงโทษในบทหนัก ผิดตามข้อ 2.3 และ 2.7 ซึ่งบทลงโทษตามข้อ 2.7 เป็นบทลงโทษที่หนักกว่า จึงพิจารณาลงโทษ จักรพันธ์ ปั่นปี ตามความผิดข้อ 2.7 ห้ามลงทำหน้าที่ครั้งต่อไป 2 นัด และ ปรับเงิน 40,000 บาท
3.วันที่ 9 เมษายน สโมสรอุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด พบ สโมสรบุรีรีมย์ ยูไนเต็ด
เหตุการณ์
ในนาทีที่ 30 ลูกฟุตบอลอยู่กลางสนาม มีการแย่งลูกฟุตบอลกันตามปกติของผู้เล่นทั้งสองทีม ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ แต่ สก็อต คูเปอร์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนของสโมสร อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด ไม่ทราบว่าไม่พอใจ ด้วยเหตุผลใด ได้มีการเตะขวดน้ำในกรอบเขตเทคนิค 1 ขวด มีน้ำอยู่ประมาณครึ่งขวด กระเด็นไปด้านข้างสนามประมาณ 1 เมตร สก็อต คูเปอร์ โดยมีพยานรู้เห็นเป็นผู้ควบคุมการถ่ายทอด ที่อยู่จากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 เมตร
ผลการพิจารณา
รายงานผู้ควบคุมการแข่งขัน เห็นว่าข้อเท็จจริงจากผู้ควบคุมการแข่งขัน ได้อยู่จากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 เมตร และ จากข้อมูลที่ผู้ควบคุมการแข่งขัน สอบถามสาเหตุที่ สก็อต คูเปอร์ เตะขวดน้ำในนาทีที่ 30 ซึ่งได้รับการยืนยันเพิ่มเติมว่า สก็อต คูเปอร์ ได้ยอมรับในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยให้เหตุผลที่เตะขวดน้ำ เนื่องจากไม่พอใจฟอร์มการเล่นของทีมตนเอง จึงได้เจตนาเตะขวดน้ำเป็นการระบายอารมณ์ อย่างตั้งใจไม่ใช่อาการชั่วขณะ คณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาทฯ เห็นว่าข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติว่า สก็อต คูเปอร์ ได้เตะขวดน้ำจริง คงมีประเด็นที่ต้องพิจารณาก็คือกรณีการเตะขวดน้ำกระเด็นออกไปไกลประมาณ 1 เมตร ซึ่งในจุดดังกล่าวเป็นที่นั่งม้านั่งสำรองสามารถอาจมองเห็นได้จากบนอัฒจันทร์ ซึ่งการแสดงออกลักษณะนี้ไม่พบเห็นบ่อยนักกับการแข่งขันกีฬาระดับอาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สก็อต คูเปอร์ มีสถานะเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ซึ่งจำเป็นจะต้องเคารพในกฎกติการะเบียบข้อบังคับฯ อย่างเคร่งครัดเพื่อยกระดับมาตรฐานกีฬาฟุตบอลของประเทศให้สูงขึ้นได้ การแสดงออกดังกล่าว เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และ กระทำต่อหน้าสาธารณชน
คณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์ สก็อต คูเปอร์ มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 2.6 ห้ามทำหน้าที่นัดต่อไป 2 นัด และ ปรับเงิน 20,000 บาท
อัพเดทข่าวสารลูกหนังทุกวันผ่านทาง LINE
Add friend ที่ ID : @fanball
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น